แบคทีเรียวิทยา
- Burkholderia pseudomallei เป็นเชือแบคทีเรียซึงพบได้ในดินและนํ้าเกื อบทัวทุกภาคของประเทศไทย พบมาก ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- มีความทนทานสามารถอยู่ได้ในน้ำกลันนานหลายปี
- เมือย้อมสีแกรมติดสีแกรมลบ ขนาดเล็กประมาณ 0.5-1ยาว 2-4 ไมครอน ลักษณะเป็ นท่อนเรียวบาง (bacilli) ติดสี ชัดที ปลายทั้งสองด้าน (bipolar staining) มีเอนซัยม์ oxidase
- มีแฟลกเจลลา(flagella) หลายเส้นทีปลายสองด้านสําหรั บเคลือนที
- เจริญเติบโตได้ในที ๆมีออกซิเจนน้อย ไม่สร้างสปอร์(spore) แต่สามารถสร้าง hydrated glycocalyx polysaccharide capsule หากถูกทําลายจะทําให้เชือลดความรุ นแรง (virulence)
- เชื้อทีขนาดโคโลนีเล็กลง (microcolony) จะมีความทนทานต่อยาต้านจุลชีพมากขึ น ในร่ างกายมนุษย์ เชื้ อ B. pseudomallei สามารถเจริญเติบโตเพิมจํานวนอยู่ใน phagocytic cells และeukaryotic cell lines ได้หลายชนิ ด ซึ่งส่งผลให้เชือสามารถแอบแฝงอยู่ในร่ างกาย โดยกลไกของร่างกายไม่ต่อต้านเชือ จึงไม่ถูกทําลายและไม่แสดงอาการของโรค รอจนกว่าร่างกายจะอ่อนแอจึงจะสําแดงอาการ ซึ งมักจะรุ นแรงและยากในการรักษา
- ได้มีการถอดรหัสพันธุกรรมโดย Wellcome Trust Sanger Centre พบว่ามี โครโมโซม 2 ตัว และมียีนขนาดใหญ่ทั งหมด 7.24 ล้านเบสประกอบด้วย G+C 68% 7
การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ
ผู้ป่ วยเมลิออยโดสิ สมีอาการและอาการแสดงแตกต่างกันตั งแต่ไม่รุนแรงจนถึงเสียชีวิตซึงมีอัตราตายสูงกว่า 50%
อาการของโรคคล้ายคลึงกับโรคอืนๆอีกหลายชนิด จึงเป็นการยากทีจะวินิจฉัยโรคนี โดยอาศัยอาการทางคลินิก
จําเป็นต้องอาศัยการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการในการวินิจฉัยโรคเสมอ วิธี มาตรฐานในการวินิจฉัยผู้ป่ วยเมลิ
ออยโดสิสทางห้องปฎิบัติการ(gold standard) คือการเพาะเชื อ B. pseudomallei จากสิงส่ งตรวจ ซึ งต้องใช้เวลา
อย่างน้อย 2-3 วันเนืองจากเชือนี้เติบโตช้า โดยเฉพาะการเพาะเชือจากสิงส่งตรวจทีมีเชืออืนปนเปือนเช่น เสมหะ
และปัสสาวะเป็ นต้น จําเป็ นต้องใช้อาหารเลียงเชื้อทีมีความจําเพาะ (selective media) เพือช่วยแยกเชือ B.
pseudomallei ออกจากเชืออืนและไม่ถูกเชือชนิดอืนซึ งเติบโตได้เร็วกว่าขึนกลบ ด้วยเหตุนีจึ งมีการพัฒนาเพือหา
วิธีการตรวจวินิจฉัยทีทําได้ง่าย รวดเร็ว มีความไวและความจําเพาะสูง โดยอาศัยเทคนิคทางวิทยาภูมิคุ ้มกัน
(immunology) ซึ งเป็ นการตรวจหาแอนติบอดีต่อตัวเชื้อหรือส่วนหนึ งส่วนใดของเชือหรือการตรวจหาแอนติเจน
ของเชื อ และการวินิจฉัยโดยอาศัยเทคนิค ทางอณูชีววิทยา(molecular biology) ซึ งเป็นการตรวจหา genetic
material ของเชือ
การเก็บสิงส่ งตรวจเพือเพาะเชือ
ผู้ป่วยทีมีอาการและอาการแสดงทีสงสัยว่าจะเป็นโรคเมลิ ออยโดสิ ส มักมีการติดเชือใน เลือด ปอด ทางเดิน
ปัสสาวะและมักมีการอักเสบของแผลหรือฝี จึงควรทําการเพาะเชือจาก เลือด เสมหะ tracheal aspirate, throat
swab ปั สสาวะ ตลอดจนหนองจากฝี หรื อแผล เพือตรวจหาเชือ B. pseudomallei เมือเพาะเชือได้ จากสิงส่งตรวจ
ใดก็ควรเพาะซําทุกอาทิตย์เพือดูประสิทธิภาพของยาเพราะการดื อยาอาจเกิดขึนได้